ค้นข้อมูล
Home Thailand Data ข้อมูลจังหวัด สถานพยาบาล สถานศึกษา แหล่งท่องเที่ยว ร้านค้า บริษัท ศาสนสถาน ข้อมูลภาครัฐ Login

Forest

ลำพูน
Lamphun


คำขวัญ ลำพูน : พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวีศรีหริภุญไชย
ภาคเหนือ
พื้นที่4505.882 ตารางกิโลเมตร
จำนวนประชากร 179812 ครัวเรือน
ประชากรชาย 195140
ประชากรหญิง 209935
ประชากรรวม 195140
Lamphun จังหวัดลำพูน เดิมชื่อเมืองหริภุญไชย เป็นเมืองโบราณ มีอายุประมาณ 1,343 ปี ตามพงศาวดารโยนกเล่าสืบต่อกันถึงการสร้างเมืองหริภุญไชย โดยฤาษีวาสุเทพ เป็นผู้เกณฑ์พวกเม็งคบุตร หรือ ชนเชื้อชาติมอญมาสร้างเมืองนี้ขึ้น ในพื้นที่ระหว่างแม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำกวง และแม่น้ำปิง เมื่อมาสร้างเสร็จได้ส่งทูตไปเชิญ ราชธิดากษัตริย์เมืองละโว้พระนาม “จามเทวี” มาเป็นปฐมกษัตริย์ปกครองเมืองหริภุญไชย สืบราชวงศ์กษัตริย์ ต่อมาหลายพระองค์ จนกระทั่งถึงสมัยพระยายีบาจึงได้เสียการปกครองให้แก่พ่อขุนเม็งรายมหาราช ผู้รวบรวม แว่นแคว้นทางเหนือเข้าเป็นอาณาจักรล้านนา เมืองลำพูน ถึงแม้ว่า จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านนา แต่ก็ได้เป็นผู้ถ่ายทอดมรดกทางศิลปและวัฒนธรรมให้แก่ผู้ที่เข้ามาปกครอง ดังปรากฏหลักฐานทั่วไปในเวียงกุมกาม เชียงใหม่และเชียงราย เมืองลำพูนจึงยังคงความสำคัญในทางศิลปะและวัฒนธรรมของอาณาจักรล้านนา จนกระทั่งสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมืองลำพูนจึงได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย มีผู้ครองนครสืบต่อกันมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เมื่อเจ้าผู้ครองนครองค์สุดท้าย คือ พลตรีเจ้าจักรคำ ขจรศักดิ์ ถึงแก่พิราลัย เมืองลำพูนจึงเปลี่ยนเป็นจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปกครอง สืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน



“เมืองโบราณหริภุญไชย” อาณาจักรอันรุ่งเรืองและเก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือ แบ่งเป็น ๔ ยุค คือ

ยุคประวัติศาสตร์แรกเริ่ม
ยุคหริภุญไชย
ยุคล้านนา
ยุคต้นรัตนโกสินทร์


“ยุคก่อนประวัติศาสตร์”

นครในตำนานถึงบ้านวังไฮก่อนที่จะเป็นเมืองลำพูนหรืออาณาจักรหริภุญไชย ในอดีตดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำปิง แม่น้ำกวงผืนนี้ เคยมีชื่อว่า “สมันตรประเทศ” มาก่อน เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงหลังพุทธกาลเล็กน้อยหรือราว ๒,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา ว่าด้วยเรื่องราวของนักพรตฤษีที่เดินทางไกลมาจากชมพูทวีปสู่สุวรรณภูมิ ได้เข้ามาเผยแผ่ศาสนาพราหมณ์ ต่อมาได้ผสมเผ่าพันธุ์กับคนพื้นเมือง ก่อกำเนิดชุมชนกลุ่มแรกกลายเป็นบรรพบุรุษของชาว“ลัวะ”เม็ง” (มอญ) ณ ริมฝั่งแม่ระมิงค์ (แม่น้ำปิง)หลักฐานที่รองรับยืนยันถึงการมีอยู่จริงของมนุษย์ยุคก่อนอาณาจักรหริภุญไชย ได้แก่ โครงกระดูกที่ขุดพบ ณ บ้านวังไฮ ต.เวียงยอง อ.เมือง จ.ลำพูน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งนักโบราณคดีได้ทำการศึกษาพบว่ามีอายุระหว่าง ๒,๘๐๐ - ๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว จัดเป็นมนุษย์ในยุคก่อนประวติศาสตร์ตอนปลายที่รู้จักประเพณีฝังศพด้วยการอุทิศสิ่งของให้ผู้ตายไว้ใช้ในปรโลก รู้จักทำเกษตรกรรม และตั้งหลักแหล่งไม่เร่ร่อน มีการติดต่อกับภายนอกทั้งซีกโลกตะวันตกคือกลุ่มของพ่อค้าอินโด-โรมัน เห็นได้จากการพบลูกปัด สร้อยกำไลในหลุดศพทำด้วยหินควอทซ์ และซีกโลกตะวันออก คืนกลุ่มของอารยธรรมดองซอน กวางสี แถบเวียดนามเหนือและจีนใต้ ซึ่งได้นำเอาเครื่องประดับที่ทำด้วยสำริดมาแลกเปลี่ยนค้าขาย ชนกลุ่มนี้ต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประชากรในแคว้นหริภุญไชยอีก ๑,๐๐๐ ปีต่อมา

กำเนิดมนุษย์ถ้ำสู่สัญลักษณ์ภาพเขียนสี เมืองลำพูนมีสภาพภูมิศาสตร์สองลักษณะ กล่าวคือบริเวณอำเภอเมือง บ้านธิ ป่าซาง และเวียงหนองส่อง เป็นเขตที่ราบลุ่มริมน้ำประเภท “ดินดำน้ำชุ่ม” ส่วนอำเภอแม่ทา ทุ่งหัวช้าง ลี้ และบ้านโฮ่ง เป็นเขตเทือกเขาสูงชัน โดยมากเป็นหินปูน มีทำเลที่ตั้งเหมาะแก่การตั้งหลักแหล่ง ที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคหินซึ่งต้องใช้เพิงผาถ้ำไม่ไกลจากแหล่งที่เป็นที่กำบังกาย จากหลักฐานที่ค้นพบใหม่ล่าสุดในปี พ.ศ.๒๕๕๒ ณ ดอยแตฮ่อ ดอยผาผึ้ง ต.ป่าพูล อ.บ้านโฮ่ง และดอยผาแดง กับดอยนกยูง ต.ศรีวิชัย อ.ลี้ รวมถึงการขูดขีดเพิงผาหินเป็นรูปรอยเท้าแบบ Rock Art ณ ด้านหลังวัดดอยสารภี อ.แม่ทา ได้พบล่องรอยของมนุษย์ยุคหินกลางถึงยุคหินใหม่มีอายุราว ๑,๐๐๐-๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว คนกลุ่มนี้นับถือผี วิถีเร่ร่อนย้ายถิ่นฐานตามฤดูกาล บูชาอำนาจเหนือธรรมชาติที่มองไม่เห็น (Animism) สามารถผลิตเครื่องมือขวานหิน-ใบหอกเป็นอาวุธ ข้อสำคัญรู้จักเขียนภาพบนผนังถ้ำด้วยสีแดง สีที่ใช้มีส่วนผสมของเลือดนกพิราบ ไข่ขาว กาวยางหนังสัตว์หรือสามารถสื่อสัญลักษณ์ด้วยการใช้ขวานหินขูดขีดลวดลาย ภาพเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อเรื่องการบูชารอยเท้า งานพิธีกรรมฝังศพ การตัดไม้ข่มนามก่อนการออกล่าสัตว์ ต่อมาเมื่อมนุษย์เริ่มรู้จักใช้ไฟฟ้า ทำให้เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคจากเนื้อดิบเป็นปรุงอาหารให้สุก มีการปั้นภาชนะดินเผาสำหรับใส่กระบอกธนู หม้อกระดูก มีการตกแต่งขูดขีดผิวภาชนะเป็นรูปงูไขว้ ในที่สุดเริ่มตั้งแต่ยุคเร่ร่อน มีการเลือกผู้นำเผ่าและเข้าสู่ยุคสังคมเกษตร ราว ๓,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา





“ยุคหริภุญไชย”

หริภุญไชย ปฐมอารยนครแห่งล้านนา

หริภุญไชยนคร มีฐานะเป็นราชธานีแห่งแรกของภาคเหนือ เป็นรากฐานอารยธรรมอันเจริญรุ่งเรืองสูงสุด ในทุกๆด้านให้แก่อาณาจักรล้านนานับตั้งแต่ด้านพุทธศาสนา เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง ศิลปกรรม วัฒนธรรม การทหาร ดังมีหลักฐานยืนยันจากศิลาจารึก ตำนาน โบราณสถาน โบราณวัตถุ ฯลฯ ปฐมอารยนครแห่งนี้เป็นบ่อเกิดแห่งการประดิษฐ์อักขระมอญโบราณในพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๗ พบจำนวนมากถึง ๑๐ หลัก เรื่องราวจากศิลาจารึกแสดงถึงอัจฉริยภาพด้านการปกครองและความรุ่งเรืองทางศาสนาอักษรมอญโบราณเหล่านี้ส่งอิทธิพล ด้านรูปแบบอักขระให้แก่อักษรในพุกาม สะเทิมรวมไปถึงอักษรพม่าและมอญที่ใช้ในปัจจุบัน นอกจากนี้แล้วยังเป็นต้นกำเนิดลายสือไท สมัยสุโขทัยในอีก ๔๐๐ ปีต่อมา และอักษรธรรมล้านนาให้แก่ชาวไทยภาคเหนือ (ไทยวน) และต่อมาได้แพร่หลายไปสู่อักษรไทลื้อ ไทอาหม ไทใหญ่ หริภุญไชยนครมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งและเป็นที่เลื่องลือในกลุ่มชนชาวตะวันออกเฉียงใต้อันได้แก่ พุกาม นครวัต (เขมร) จำปา ศรีวิชัย นครศรีธรรมราช ละโว้ และจีน หริภุญไชยได้กลายเป็นยุทธศาสตร์นครที่หลายๆแคว้นได้เข้ามาเยือนเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีทางการทูต ทางการค้า ทางสวัสดิการสังคมความเป็นอยู่สู่ความเห็นพ้องทางด้านวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าด้วยเหตุนี้ ศิลปวัฒนธรรมสมัยหริภุญไชยจึงเป็นการผสมผสานศิลปะอันมีค่าได้อย่างลงตัว กษัตริย์ในราชสกุลจามเทวีวงศ์แห่งหริภุญไชยนคร ได้ครองราชสมบัติยาวนานสืบเนื่องต่อมาราว ๖๒๐ ปี มีพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้นประมาณ ๕๐ พระองค์



สงครามสามนครสู่สายสัมพันธ์มอญหงสาวดี

เมื่อหริภุญไชยนครผ่านกาลเวลามาได้สามศตวรรษ รัฐละโว้เมืองแม่แต่เดิมเคยเป็นเครือข่ายทวารวดีได้ถูกปกครองโดยขอม ทำให้ละโว้กลายเป็นศัตรูกับหริภุญไชย ยุคนี้รัฐทางใต้มีการแผ่แสนยานุภาพจากชายฝั่งทะเลมาสู่เขตที่ราบลุ่มภูเขาตอนในเพื่อขยายเส้นทางการค้าหลายระลอกทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ระหว่าง “นครศรีธรรมราช-ละโว้-หริภุญไชย” จนกระทั่งถึงสมัยพระเจ้ากมลราช นครหริภุญไชยเกิดโรคห่าครั้งใหญ่ประชาชนชาวมอญหริภุญไชยอพยพหนีไปอยู่เมืองหงสาวดี และสะเทิม(สุธรรมวดี) เป็นเวลา ๖ ปี เมื่อสร่างจากโรคระบาดได้นำเอาชาวมอญ-หงสาวดี และมีการถ่ายเททางอารยธรรมระหว่างชาวแม่ระมิงค์กับลุ่มน้ำสาละวิน จนเกิดประเพณีลอยขะโมด ในฤดูน้ำหลาก อันเป็นต้นกำเนิดของประเพณีลอยกระทงของสุโขทัย ปัจจุบันชาวมอญจากหงสาวดียังคงตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหนองคู่ เวียงเกาะกลาง ต.บ้านเรือน อ.ป่าซาง จ.ลำพูน และบ้านต้นโชค บ้านหนองคอบ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ด้วยการรักษาขนบธรรมประเพณีชาวมอญ



สววาธิสิทธิ กษัตริย์ผู้ทรงธรรม

พุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ ถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองของความเจริญทุกๆด้าน ประวัติศาสตร์ยุคนี้มีความชัดเจนขึ้นทีละน้อยๆ ไม่เพียงแต่ปรากฏหลักฐานทางโบราณคดีอย่างมากมายเท่านั้น หากยังอ้างอิงได้ถึงหลักฐานทางด้านอักขระ กล่าวคือมีการพบศิลาจารึกอักษรมอญ-โบราณมากที่สุดในประเทศไทย หลังจากยุคของพญาอาทิตยราช มหาราชแห่งหริภุญไชยนครผู้ทรงขุดพบพระธาตุ และกระทำการสถาปนาพระบรมสารีริกธาตุกลางมหานครขึ้นเป็นศูนย์รวมความศรัทธา ครั้งแรกของภาคเหนือ แล้วพระราชโอรสของพระองค์ คือพระเจ้าธรรมิกราชาได้สร้างพระอัฏฐารส(พระยืนสูง ๑๘ ศอก) ที่วัดอรัญญิการาม (วัดพระยืน) จนถึงยุคสมัยของพญาสววาธิสิทธิ หรือพญาสรรพสิทธิ์ กษัตริย์ผู้ทรงผนวช ระหว่างครองราชย์ ทรงถวายพระราชวังเชตวนาลัยให้สร้างวัดเชตวนาราม (วัดดอนแก้ว) ทรงผนวชพร้อมมเหสีและโอรส ทรงสร้างต้นโพธิ์และประกาศเชิญชวนประชาชนให้ค้ำจุนต้นโพธิ์ถือเป็นต้นแบบของกษัตริย์ในยุคต่อมาที่ดำเนินรอยตามในส่วนของการกัลปนาวังเพื่อสร้างวัด การผนวชขณะครองราชย์ และประเพณี “ไม้ก๊ำสะหลี” ของชาวล้านนาต่อมา



อรุณรุ่งแห่งพุทธประทีป

ก่อนยุคหริภุญไชยนคร คนพื้นเมืองชาวลัวะดั้งเดิมเคยบูชาผีแถน ผีบรรพบุรุษที่เรียกว่า “ผีปู่แสะย่าแสะ” มีการบูชาเสาสะกัง หรือเสาอินทขีล ต่อมายอมรับเอาศาสนาพราหมณ์จากฤาษีนักพรต ล่วงสู่ยุคหริภุญไชยจึงมีการสถาปนาศาสนาพุทธแห่งแรกของภาคเหนือ กระทั่งเปลี่ยนเป็นนิกายลังกาวงศ์ รามัญวงศ์ ฯลฯ ศาสนาทุกลัทธิในหริภุญไชยนคร ได้รับการผ่องถ่ายไปสู่เมืองอื่นๆ ทั้งในล้านนา ล้านช้าง สิบสองปันนา ลำแสงแรกแห่งพระพุทธศาสนารุ่งเรืองไสวขึ้นนับตั้งแต่ได้มีการขุดพบพระบรมสารีริกธาตุในส่วนของพระเกศาธาตุ ณ บริเวณวัดพระธาตุหริภุญไชยปัจจุบัน ในรัชสมัยของพญาอาทิตยราช ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ ทรงสถาปนาพระบรมธาตุเจดีย์ขึ้นแห่งแรกในภาคเหนือ โบราณราชประเพณีกำหนดให้พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จักต้องมากราบนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์แห่งนี้ก่อนพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีหลักฐานปรากฏว่าแม้แต่หลวงจีนทิเบตในแต่ละปีก็ต้องจารึกแสวงบุญด้วยการมาสักการะพระมหาธาตุเจดีย์หริภุญไชย สะท้อนว่าเมืองลำพูนคือศูนย์กลางของพุทธศาสนาแห่งลุ่มแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ตลอดจนลุ่มน้ำโขง-สาวะวิน ตราบถึงวันนี้ ลำพูนได้กลายเป็นศูนย์รวมอารยธรรมทางพุทธศาสนาแห่งอาณาจักรล้านนา ซึ่งศาสนสถานที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบันได้แก่ วัดพระธาตุหริภุญชัย วัดพระพุทธบาทตากผ้าในอำเภอป่าซาง และวัดพระพุทธบาทห้วยต้มในอำเภอลี้ เป็นต้น องค์พระบรมเจดีย์ในวัดพระธาตุหริภุญชัยเชื่อว่าเป็นพระเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุด โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๔ ได้ทรงยกย่องและสถาปนาพระบรมธาตุเจดีย์องค์นี้ พร้อมทั้งได้จารึกไว้ว่าเป็นพระเจดีย์องค์หนึ่งในแปด พระบรมธาตุเจดีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย วัดพระธาตุหริภุญชัยยังได้ชื่อว่า เป็นพระบรมธาตุเจดีย์ประจำราศีของผู้เกิดปีระกาอีกด้วย



จามเทวี : แม่เมือง-มิ่งเมือง

ภายหลังจากการล่มสลายของเมือง “สมันตรประเทศ” ด้วยการขาดผู้นำที่ทรงคุณธรรม กลุ่มนักพรตฤาษีผู้มีบทบาทในการสร้างเมืองตั้งแต่เริ่มแรก ได้กอบบ้านกู้เมืองขึ้นมาใหม่ในราวปี พ.ศ.๑๒๐๔ เฉลิมนามว่า “หริภุญไชยนคร” โดยได้อัญเชิญราชธิดาของพระเจ้ากรุงละโว้ นามว่า “พระนางจามเทวี” มาเป็นปฐมกษัตริย์ในปี พ.ศ.๑๒๐๖ พระนางทรงนำเอาอารยธรรมชั้นสูงแบบทวารวดีขึ้นมาทางแม่น้ำปิงสู่ดินแดนภาคเหนือของไทยเป็นครั้งแรกทรงรวบรวมชนพื้นเมืองกลุ่มต่างๆ เข้าด้วยกันภายใต้การปกครองแบบทศพิธราชธรรม ทรงประกาศพระพุทธศาสนาให้เลื่องลือไกลด้วยการสร้างวัดวาอารามกระจายทั่วดินแดน อีกทั้งยังทรงขยายอาณาเขตความเจริญไปยังลุ่มน้ำต่างๆ อาทิเมืองเขลางคนคร-อาลัมพางค์(ลำปาง) แห่งลุ่มน้ำวัง เวียงเถาะ เวียงท่ากาน เวียงมะโน เวียงฮอด บั้นปลายพระชนม์ชีพทรงสละราชสมบัติให้แก่พระราชโอรสฝาแฝด “เจ้ามหันตยศ เจ้าอนันยศ” ให้ครองแควันหริภุญไชย-เขลางค์นครสืบมา ในขณะที่พระองค์ทรงครองศีลอุบาสิกา คุณงามความดีที่ทรงกระทำไว้เป็นที่ขจรขจายมีมากเกินคณานับ จนได้รับฉายาว่าเป็น”พระแม่เมือง-พระมิ่งเมือง” ของชาวเมืองหริภุญไชย



“ยุคล้านนา”

ยามสิ้นแสงอัสดงคตหริภุญไชยนครผ่านกาลเวลาอันรุ่งโรจน์มานานถึงหกศตวรรษด้วยกิตติศัพท์ความอุดมสมบรูณ์ มั่งคั่งของนครา ทำให้เป็นที่หมายปองของ “พญามังราย” เจ้าผู้ครองแคว้น “หิรัญนครเงินยาง” แถบเมืองเชียงราย ปี พ.ศ.๑๘๒๔ พญามังรายได้ยกกองทัพอันแข็งแกร่งมาเผาแคว้นหริภุญไชยจนวายวอด ในสมัย “พญายีบา” แต่พญามังรายก็ไม่ประทับอยู่ที่เมืองหริภุญไชย โดยให้เหตุผลว่าเป็นเมืองพระธาตุ อีกเหตุผลหนึ่งชัยภูมิไม่เหมาะ เป็นเมืองขนาดเล็ก การขยายตัวของเมืองเป็นไปได้ยากจึงให้อ้ายฟ้าหรือขุนฟ้าครองเมืองหริภุญไชยแทนและย้ายราชธานีใหม่ไปอยู่ที่ “เวียงชะแว่” หรือ “เวียงแจ้เจียงกุ๋ม”และย้ายไปอยู่ที่ “เวียงกุมกาม” และ “นพบุรีนครพิงค์เชียงใหม่” ในปี พ.ศ.๑๘๓๙ โดยการผนวกแคว้นหริภุญชัยและแคว้นโยนกเข้าด้วยกัน โดยมีเชียงใหม่เป็นศูนย์กลาง ส่วนหริภุญไชยเป็นศูนย์กลางด้านศาสนาโดยให้บูรณะพระธาตุหริภุญชัยสร้างมณฑปทรงปรา-สาทที่พญาสัพสิทธิ์สร้างไว้ให้สูงขึ้นเป็น ๓๒ ศอก ได้ถวายข้าทาสบริวารแก่วัดพระธาตุหริภุญชัย และสั่งให้กษัตริย์เมืองเชียงใหม่องค์ต่อๆ มาทุกพระองค์มีหน้าที่ในการดูแลบูรณะวัดพระธาตุหริภุญชัยสืบต่อมา

ในปี พ.ศ.๑๙๙๐ สมัยพญาติโลกราชกษัตริย์เมืองเชียงใหม่ ราชวงศ์มังรายลำดับที่ ๙ ได้อาราธนาพระมหาเมธังกรมาเป็นผู้ควบคุมการบูรณะและเสริมองค์พระธาตุขึ้นใหม่โดยปรับปรุงโครงสร้างพระธาตุจากเจดีย์ทรงปราสาทเป็นทรงพระฆังหรือทรงลังกา ตามแบบพระพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ของเมืองเชียงใหม่ โดยก่อเป็นเจดีย์สูงขึ้นเป็น ๓๒ ศอก กว้างขึ้นเป็น ๕๒ ศอก เป็นรูปทรงที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ในปี พ.ศ.๒๐๕๔ สมัยพระเมืองแก้ว กษัตริย์เมืองเชียงใหม่ รางวงศ์มังราย ลำดับที่ ๑๑ ได้ทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลที่วัดพระธาตุหริภุญชัยเป็นประจำทุกปี ได้ป่าวร้องโฆษณาเรี่ยไร่ จ่ายซื้อทองบุองค์พระธาตุเจดีย์เป็นทองแดงหนักสิบเก้าแสนแปดหมื่นห้าพันสี่ร้อยบาทสองสลึงแล้วลงรักปิดทองคำเปลว ให้สร้างพระวิหารหลวง แล้วสร้างรั้วรอบพระบรมธาตุ (สัตตบัญชร) ระเบียงหอก ๕๐๐ เล่ม เกรณฑ์กำลังพลรื้อและก่อกำแพงเมืองหริภุญไชยด้วยอิฐในปี พ.ศ. ๒๐๕๙ เพื่อป้องกันภัยจากอยุธยา

จนมาถึงสมัยพญากือนา กษัตริย์ล้านาองค์ที่ ๖ ทรงอาราธนาพระสุมนเถระจากสุโขทัยในปี มาจำพรรษาที่วัดพระยืน พ.ศ.๑๙๑๒ เมืองหริภุญไชยก่อน เมื่อสร้างวัดบุปผาราม(สวนดอก)พระสุมนเถระจึงมาจำพรรษาที่แห่งนี้ จนถึงแก่มรณภาพในปี พ.ศ.๑๙๓๒ นับว่าพระสุมนเถระได้มาวางรากฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ในเมืองเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางแทนนิกายเดิม(รามัญวงศ์)ที่มีหริภุญไชยเป็นศูนย์กลาง และในสมัยต่อมาคือ พญาแสนเมืองมา ในราวปี พ.ศ.๑๙๕๑ มีพระราชกรณียกิจด้านทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยโปรดให้หุ้มพระบรมธาตุเจดีย์หริภุญชัย ด้วยแผ่นทองคำหนักสองแสนหนึ่งหมื่นบาท หรือ ๒๕๒ กิโลกรัม



“ยุคต้นรัตนโกสินทร์”

การใช้วิเทโศบายทางการเมืองระหว่างล้านนา (เชียงใหม่) กับสยามประเทศเป็นไปอย่างชิงไหวชิงพริบ เจ้าเมืองฝ่ายเหนือใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะรักษาประเทศล้านนาเอาไว้ แต่มิอาจต้านแรงคุกคามข้างฝ่ายสยามประเทศได้ เนื่องจากสยามได้ใช้วิธีหลายรูปแบบที่จะรวมล้านนาให้เป็นหนึ่งเดียว อาทิ ส่งนักกฎหมายฝรั่งและหมอสอนศาสนาเข้ามาอยู่ในเชียงใหม่ อีกทั้งส่งข้าหลวงสามหัวเมืองมาประจำ

หลังจากที่รัฐบาลส่วนกลางสยามได้เซ็นสนธิสัญญาเบาริง กับอังกฤษในปี พ.ศ. ๒๓๙๘ (สมัยรัชกาลที่ ๔) บริษัทอังกฤษก็มีสิทธิเข้ามาทำสัมปทานไม้ในล้านนาได้ เพียงแค่ขออนุญาตต่อเจ้าผู้ครองนครโดยตรง จนเกิดกรณีพิพาทขึ้นหลายครั้งระหว่างเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่กับบริษัททำไม้รัฐบาลกลาง เห็นว่าผลประโยชน์การทำไม้กับชาวตะวันตกมีรายได้มหาศาล จึงทำสนธิสัญญาเชียงใหม่ขึ้น ๒ ครั้ง ในปีพ.ศ.๒๔๑๖ และพ.ศ.๒๔๒๖ เนื้อหาสาระอยู่ที่การลดอำนาจเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ลงไม่ให้เข้ามามีบทบาทด้านสัมปทานได้ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้ามาดูแลเชียงใหม่ และจัดตั้งกรมป่าไม้ขึ้นที่นี่ในปี พ.ศ.๒๔๓๗ สถานการณ์ครั้งนั้นเป็นเหตุสำคัญให้เกิดการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินขึ้น โดยรวบรวมอำนาจการปกครองทั้งหมดให้อยู่กับส่วนกลาง ลดบทบาทของเจ้าเมืองฝ่ายเหนือให้น้อยลง ยกเลิกฐานะหัวเมือง ประเทศราชจัดเป็นหน่วยปกครองที่เรียกว่า “มณฑล” โดยส่งข้าราชการจากส่วนกลางเข้ามาปกครองกระทั่งเจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ ๗ ถึงแก่พิราลัย ได้เกิดการแย่งชิงอำนาจขึ้น ท่ามกลางทายาทจึงเป็นโอกาสอันดีของทางส่วนกลางที่จะใช้ฉวยโอกาสข้ออ้างเข้ามาจัดระเบียบการปกครองเมืองลำพูนใหม่ อย่างเบ็ดเสร็จเรียบร้อย

"ยุคเก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมือง"หลังจากขับไล่พม่าออกจากเมืองล้านนาแล้ว พญาจ่าบ้านได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ ส่วนพญากาวิละให้เป็นเจ้าเมืองลำปางโดยพิธีดังกล่าวทำขึ้นที่วัดพระธาตุหริภุญชัย เชียงใหม่สามารถปกครองตนเองได้ในฐานะเมืองประเทศราชของราชอาณาจักรสยาม แต่ในขณะเดียวกันพม่ายังไม่หมดอำนาจเสียทีเดียว คอยมาคุกคามเชียงใหม่อยู่ไม่ขาด พญาจ่าบ้านซึ่งมีประชากรอยู่น้อยนิดไม่สามารถต่อสู้กับพม่าได้จึงชักชวนกันทิ้งบ้านเมือง และหนีไปอยู่กับเจ้าเจ็ดตนที่เมืองลำปาง เมื่อพญาจ่าบ้านเสียชีวิตลง พระเจ้ากรุงธนบุรีได้แต่งตั้งพญากาวิละขึ้นครองเมืองเชียงใหม่แทนในปี พ.ศ.๒๓๒๕ ซึ่งในขณะนั้นเชียงใหม่เป็นเมืองร้าง พม่ายังมีอิทธิพลอยู่ การที่จะฟื้นฟูเชียงใหม่จึงเป็นปัญหาหนักพญากาวิละจำต้องค่อยๆ รวบรวมไพล่พลให้มั่นคง โดยขอผู้คนจากเมืองลำปางและกลุ่มไพร่เดิมอีกจำนวนหนึ่งใช้ เวียงป่าซาง เป็นฐานะที่มั่นรวบรวมผู้คน ซึ่งเรียกว่า “เก็บฮอมตอมไพร่” พญากาวิละใช้เวลารวบรวมชาวบ้านนานถึง ๑๔ ปี จึงจักสามารถเข้าไปฟื้นฟูและตั้งเมืองเชียงใหม่ได้ในปี พ.ศ. ๒๓๘๘ และฟื้นเมืองลำพูนขึ้นมาใหม่แต่งตั้งพญาบุรีรัตน์คำฟั่นเป็นเจ้าเมืองลำพูนชื่อว่า พญาลำพูนชัย และเจ้าบุญมา น้องคนสุดท้องของเจ้าเจ็ดตนเป็นพญาอุปราช โดยนำคนมาจากเมืองลำปาง ๕๐๐ คน จากเมืองเชียงใหม่อีก ๑,๐๐๐ คน และกวาดต้อนคนยองจำนวน ๑๐,๐๐๐ คน ให้อยู่ที่เมืองลำพูนตรงข้ามกับพระธาตุเจ้าหริภุญชัย อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำกวง กลุ่มชาวยองเหล่านี้ต่อมาได้เป็นช่างทอผ้า สล่าช่างฝีมือ ผู้มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูวัฒนธรรมล้านนาให้แก่เมืองลำพูน

นอกจากชาวยองแล้ว ยังมีอีกกลุ่มชนที่เคยกวาดต้อนมาได้สมัยเมื่อพญากาวิละอยู่เวียงป่าซาง คือกลุ่มเมืองแถบตะวันตกริมแม่น้ำคง ได้แก่ บ้านสะต๋อยสอยไร บ้านวังลุง วังกาศ น่าจะเป็นกลุ่มชาวลัวะ ชาวเม็ง อีกกลุ่มคือพวกชาวไตใหญ่จากเมืองปุ เมืองปั่น เมืองสาด เมืองนาย เมืองชวาด เมืองแหน กลุ่มที่ตามมาภายหลังก็คือกลุ่มชาวไตเขินจากเมืองเชียงตุง และทยอยกันเข้ามาอีกระลอกเพื่อหนีภัยสงครามคือกลุ่มไตลื้อในเขตอำเภอบ้านธิ ชาวหลวยจากบ้านออนหลวย ในยุคนี้นักประวัติศาสตร์ขนานนามว่ายุค “เก็บผักใส่ส้า เก็บข้าใส่เมือง” การอพยพยังคงมีมาอย่างต่อเหนื่องจนถึงหลังสงครามมหาเอเชียบูรพา การหลั่งไหลถ่ายเทชาวยอง และชาวลื้อได้สิ้นสุดลงเมื่อมีการกำหนดปักปันเขตแดนประเทศไทย - จีน - พม่า - ลาวอย่างชัดเจน และปัจจุบันเมืองยองขึ้นอยู่กับการปกครองของสหภาพพม่า



คำขวัญจังหวัดลำพูน
“พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวี ศรีหริภุญชัย”



ตราประจำจังหวัด







เจดีย์ในดวงตรา หมายถึง พระธาตุหริภุญชัย ซึ่งกล่าวกันว่ามีพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่นับเป็นปูชนียสถานสำคัญ เป็นที่เคารพนับถือของชาวเมืองและจังหวัดใกล้เคียง


ที่ท่องเที่ยวในจังหวัด

  • โบราณสถานกู่ช้าง กู่ม้าลำพูน เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • วัดจามเทวี เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • วัดป่าเหียง เขต/อำเภอป่าซาง 
  • วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เขต/อำเภอลี้ 
  • วัดพระพุทธบาทตากผ้า เขต/อำเภอป่าซาง 
  • วัดพระยืน เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • วัดมหาวันวรมหาวิหาร เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • วัดหนองเงือก เขต/อำเภอป่าซาง 
  • หมู่บ้านกะเหรี่ยงพัฒนาห้วยหละ เขต/อำเภอบ้านโฮ่ง 
  • อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • อนุสาวรีย์สุเทวฤาษี เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • ถ้ำยางวี เขต/อำเภอลี้ 
  • อุทยานแห่งชาติแม่ปิง เขต/อำเภอลี้ 
  • แก่งก้อ เขต/อำเภอลี้ 
  • วัดพระธาตุดอยเวียง เขต/อำเภอบ้านธิ 
  • วัดศรีดอนชัย เขต/อำเภอบ้านธิ 
  • ถ้ำหลวงผาเวียง เขต/อำเภอบ้านโฮ่ง 
  • พระธาตุดอยห้างบาตร เขต/อำเภอบ้านธิ 

  • อ่างเก็บน้ำทาสบเส้า  อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ แม่ทา 
  • อ่างเก็บน้ำแม่เส้า อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ แม่ทา 
  • ขัวมุงท่าสิงห์และชุมชนเวียงยอง วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เขต/อำเภอ เมือง 
  • หมู่บ้านกะเหรี่ยงพัฒนาห้วยหละ กิจกรรม เขต/อำเภอ บ้านโฮ่ง 
  • หมู่บ้านกะเหรี่ยงแม่ขนาด  กิจกรรม เขต/อำเภอ แม่ทา 
  • บ้านม้าลำพูน กิจกรรม เขต/อำเภอ เมือง 
  • ตลาดกลางสินค้าเกษตร (กาดดอยติ)  กิจกรรม เขต/อำเภอ เมือง 
  • บ่อศิลาแลง (บ่อหิน) วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เขต/อำเภอ ป่าซ่าง 
  • อนุสาวรีย์สุเทวฤาษี วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เขต/อำเภอ เมือง 
  • โบราณสถานวัดเกาะกลาง วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เขต/อำเภอ ป่าซาง 
  • ถ้ำยางวี อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ ลี้ 
  • น้ำตกแม่กลอง อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ แม่ทา 
  • ซุ้มประตู วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เขต/อำเภอ เมือง 
  • อ่างเก็บน้ำแม่วังส้าน อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ ป่าซาง 
  • น้ำตกวังหลวง อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ บ้านโฮ่ง 
  • อ่างเก็บน้ำแม่ธิ อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ บ้านธิ 
  • บ้านหนองช้างคืน** วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เขต/อำเภอ สารภี 
  • ทุ่งกิ๊ก ทุ่งนางู อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ ลี้ 
  • อ่างเก็บน้ำแก่งก้อ อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ ลี้ 
  • วัดพระบาทห้วยต้ม* วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เขต/อำเภอ ลี้ 
  • วัดจ๋อมสาหรี่มูลบุญเรือง (วัดบ้านปาง) วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เขต/อำเภอ ลี้ 
  • น้ำตกแม่ก้อ น้ำตกก๊อหลวง อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ ลี้ 
  • อุทยานแห่งชาติแม่ปิง อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ ลี้ 
  • วัดพระพุทธบาทผาหนาม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เขต/อำเภอ ลี้ 
  • วนอุทยานแห่งดอยเวียงแก้ว อุทยาน ป่าเขา เขต/อำเภอ ลี้ 

  • [หน้าต่อไป]  [หน้าสุดท้าย
    ไปหน้าที่ | 1  2  3 
    วัดในจังหวัด
  • วัดโฉลกศิลาราม เขต/ตำบล ลำพูน บ้านนาสาร สุราษฎร์ธานี 
  • วัดดอยน้อย เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดสูงธรรมาราม เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดป่าค่าง เขต/ตำบล ห้วยยาบ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดสันต้นม่วง เขต/ตำบล ห้วยยาบ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดศรีโตน (แสนตอ) เขต/ตำบล ห้วยยาบ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดแม่หาด เขต/ตำบล ห้วยยาบ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดศรีชัยชุม เขต/ตำบล ห้วยยาบ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดป่าลาน เขต/ตำบล ห้วยยาบ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดศรีดอนชัย เขต/ตำบล ห้วยยาบ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดป่าตึง เขต/ตำบล ห้วยยาบ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดป่ายาง (สันพระเจ้าแดง) เขต/ตำบล ห้วยยาบ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดห้วยไซ เขต/ตำบล ห้วยยาบ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดห้วยยาบ เขต/ตำบล ห้วยยาบ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดสันต้นค่า เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดศรีดอนชัย เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดบัวบก เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดศรีมูล เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดปากกอง เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดกู่ป่าลาน เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดพระธาตุดอยเวียง เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดป่าตาล เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดป่าสัก เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดสันทราย เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดบ้านธิหลวง เขต/ตำบล บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 
  • วัดศรีมงคลต้นผึ้ง เขต/ตำบล แม่แรง ป่าซาง ลำพูน 
  • วัดป่าป๋อ เขต/ตำบล ท่าตุ้ม ป่าซาง ลำพูน 
  • วัดท่ากอม่วง เขต/ตำบล ม่วงน้อย ป่าซาง ลำพูน 
  • วัดเหล่าดู่ เขต/ตำบล หนองยวง เวียงหนองล่อง ลำพูน 
  • วัดเกาะกลาง เขต/ตำบล บ้านเรือน ป่าซาง ลำพูน 

  • More...

    ไปไหนในท้องที่ ลำพูน

    สถานพยาบาล
  • สถานพยาบาลเรือนจำจังหวัดลำพูน
  • รพ.ศิริเวชลำพูน
  • สถานพยาบาลเวชกรรมเช็นทรัลนิคมลำพูน
  • ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลเมืองลำพูน
  • รพ.ลำพูน
  • สสอ.เมืองลำพูน
  • สสจ.ลำพูน
  • รพ.บ้านธิ
  • รพ.ป่าซาง
  • รพ.ทุ่งหัวช้าง
  • รพ.ลี้
  • รพ.บ้านโฮ่ง
  • รพ.แม่ทา

  • สถานศึกษา
  • โรงเรียนป่าตาลบ้านธิพิทยา 
  • โรงเรียนวัดป่าตึง-ห้วยยาบ 
  • โรงเรียนวัดศรีดอนชัย 
  • โรงเรียนวัดป่าตาล 
  • โรงเรียนวัดป่าสัก 
  • โรงเรียนวัดสันทราย 
  • โรงเรียนวัดบ้านธิ 
  • โรงเรียนวัดสันพระเจ้าแดง สาขาบ้านแม่หาด 
  • โรงเรียนวัดสันพระเจ้าแดง 
  • โรงเรียนบ้านห้วยไซ 
  • โรงเรียนวัดห้วยยาบ 
  • โรงเรียนเทคโนโลยีหมู่บ้านครู ภาคเหนือ 
  • โรงเรียนอนุบาลละอองทิพย์ 
  • โรงเรียนบ้านป่าเลาห้องเรียน (สาขาบ้านโปงผาง) 
  • โรงเรียนบ้านป่าเลา สาขาห้องเรียนบ้านแม่สะแ 
  • โรงเรียนบ้านป่าเลา สาขาผาด่าน 
  • โรงเรียนบ้านป่าเลา 
  • โรงเรียนบ้านดอยคำ สาขาแม่ขนาด 
  • โรงเรียนบ้านดอยคำ 
  • โรงเรียนวัดทากาศ 
  • โรงเรียนบ้านแพะยันต์ดอยแช่ 
  • โรงเรียนบ้านหมื่นข้าว 
  • โรงเรียนบ้านสวนหลวง 
  • โรงเรียนบ้านทาขุมเงิน 
  • โรงเรียนบ้านแม่เมย สาขาแม่เหล็ก 
  • โรงเรียนบ้านแม่เมย 
  • โรงเรียนบ้านสบเมย 
  • โรงเรียนบ้านดอยครั่ง 
  • โรงเรียนบ้านศรีป้าน 
  • โรงเรียนทาขุมเงินวิทยาคาร 
  • โรงเรียนบ้านปงแม่ลอบ สาขาห้วยฮ่อม 
  • โรงเรียนบ้านปงแม่ลอบ สาขาห้องเรียนบ้านห้วยเหี๊ยะ 
  • โรงเรียนบ้านหนองยางไคล 
  • โรงเรียนบ้านเหมืองลึก 
  • โรงเรียนบ้านปงแม่ลอบ 
  • โรงเรียนบ้านปงแม่ลอบ สาขาขุนก๋อง 
  • โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาวัดทุ่งหัวช้าง 
  • โรงเรียนบ้านทุ่งหัวช้าง 
  • โรงเรียนทุ่งหัวช้างพิทยาคม 
  • โรงเรียนบ้านห้วยโป่ง 
  • โรงเรียนบ้านแม่บอน 
  • โรงเรียนบ้านปวง 
  • โรงเรียนบ้านดอนมูล 
  • โรงเรียนบ้านห้วยปิง 
  • โรงเรียนบ้านดง 
  • โรงเรียนสามัคคีศรีวิชัย 
  • โรงเรียนบ้านทุ่งเป็ด 
  • โรงเรียนบ้านโป่งแดง 
  • โรงเรียนบ้านแม่ปันเดง 
  • โรงเรียนบ้านห้วยไร่ 
  • โรงเรียนบ้านแม่แสม 
  • โรงเรียนบ้านห้วยห้าง 
  • โรงเรียนบ้านไม้สลี 
  • โรงเรียนบ้านหนองหลัก 
  • โรงเรียนบ้านห้วยงูสิงห์ 
  • โรงเรียนบ้านทุ่งข้าวหาง 
  • โรงเรียนบ้านไม้ตะเคียน 
  • โรงเรียนอุโมงค์วิทยาคม 
  • โรงเรียนวัดชัยสถาน 
  • โรงเรียนวัดฮ่องกอก 
  • โรงเรียนเชตวันหนองหมู 
  • โรงเรียนบ้านป่าเส้า 
  • โรงเรียนอนุบาลเมืองลำพูน 
  • โรงเรียนบ้านอุโมงค์ 
  • โรงเรียนบ้านหนองช้างคืน 
  • โรงเรียนปริยัติสามัญสามัคคีวิทยา 
  • โรงเรียนแม่ทาวิทยาคม 
  • โรงเรียนบ้านดอยแก้ว 
  • โรงเรียนบ้านผาตั้ง 
  • โรงเรียนบ้านกอลุง 
  • โรงเรียนวัดอรัญญาราม 
  • โรงเรียนบ้านดงสารภี 
  • โรงเรียนบ้านร้องเรือ 
  • โรงเรียนวัดเกาะสบชัย 
  • โรงเรียนบ้านศาลาแม่ทา 
  • โรงเรียนบ้านหล่ายทา 
  • โรงเรียนบ้านจำตาเหิน 
  • โรงเรียนบ้านศรีทรายมูล 
  • โรงเรียนบ้านทาป่าเปา 
  • โรงเรียนบ้านทาป่าสัก 
  • โรงเรียนบ้านทาชมภู 
  • โรงเรียนบ้านทาสองท่า 
  • โรงเรียนบ้านปงอ้อ 
  • โรงเรียนบ้านทาทุ่งไผ่ 
  • โรงเรียนบ้านทาปลาดุก 
  • โรงเรียนบ้านทากู่ 
  • โรงเรียนบ้านโฮ่งรัตนวิทยา 
  • โรงเรียนบ้านสันปูเลย 
  • โรงเรียนบ้านศรีเตี้ย 
  • โรงเรียนบ้านดอยแดน 

  • More..

    ร้านของฝาก/ที่ระลึก
  • กลุ่มตัดเย็ยผ้าฝ้าย เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • กลุ่มสตรีทอผ้าศรีเมืองยู้ เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • บริษัท วี พี เอ็น คอลเลคชั่น จำกัด เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • เพ็ญศิริไหมไทย เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • ลำพูนผ้าไหมไทย เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • หมู่บ้านหัตถกรรมผ้าฝ้ายเวียงยอง เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • กลุ่มทอผ้าแม่ขนาด เขต/อำเภอแม่ทา 
  • ป้าคำ แกะสลัก เขต/อำเภอแม่ทา 
  • สงัด พรเพ็ญ แกะสลัก เขต/อำเภอแม่ทา 
  • กัลยาผ้าฝ้ายทอมือ เขต/อำเภอป่าซาง 
  • กลุ่มทอผ้าฝ้ายบ้านดอนหลวง เขต/อำเภอป่าซาง 
  • ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายบ้านหนองเงือก เขต/อำเภอป่าซาง 
  • อุดมศิริผ้าฝ้าย เขต/อำเภอป่าซาง 
  • มาลี ลำพูน ผ้าฝ้ายและผ้าไหมยกดอก เขต/อำเภอป่าซาง 
  • กลุ่มทอผ้ายกดอกบ้านปู เขต/อำเภอลี้ 
  • ศูนย์หัตถกรรมบ้านห้วยต้ม เขต/อำเภอลี้ 
  • ผ้าทอกะเหรี่ยงลายโบราณ บ้านห้วยต้ม เขต/อำเภอลี้ 
  • สงัดแกะสลัก เขต/อำเภอแม่ทา 
  • ปูรณฆฏะ ผ้าไทย เขต/อำเภอบ้านธิ 
  • กลุ่มตัดเย็บผ้าฝ้าย เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • กลุ่มสตรีทอผ้าศรีเมืองยู้ เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • บริษัทวี พี เอ็น คอลเลคชั่น จำกัด เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • เพ็ญศิริไหมไทย เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • ลำพูนผ้าไหมไทย เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • หมู่บ้านหัตถกรรมผ้าฝ้ายเวียงยอง เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • กลุ่มทอผ้าแม่ขนาด เขต/อำเภอแม่ทา 
  • ป้าคำ แกะสลัก เขต/อำเภอแม่ทา 
  • สงัด พรเพ็ญ แกะสลัก เขต/อำเภอแม่ทา 
  • กัลยาผ้าฝ้ายทอมือ เขต/อำเภอป่าซาง 
  • กลุ่มทอผ้าฝ้ายบ้านดอนหลวง เขต/อำเภอป่าซาง 
  • ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายบ้านหนองเงือก เขต/อำเภอป่าซาง 
  • อุดมศิริผ้าฝ้าย เขต/อำเภอป่าซาง 
  • มาลีผ้าฝ้ายและผ้าไหมยกดอก เขต/อำเภอทุ้งหัวช้าง 
  • ขนมบ้านอาจารย์ เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • ลำพูนไหมไทย สาขานอกเมือง เขต/อำเภอเมืองลำพูน 
  • สหกรณ์ไวน์อูโมงค์ลำพูน เขต/อำเภอเมืองลำพูน 

  • บริษัท / ห้าง /ร้าน
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดพี บี เซอร์วิส 2014
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดลำพูนภูมิทัศน์เกษตร
  • บริษัท คิมิ เฟรชฟรุ๊ต จำกัด
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดเพิ่มพูนทรัพย์ รุ่งเรืองกิจ
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดทรัพย์ถาวร วิศวกรรม
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดจ.จิตต์นลิน คอนสตรัคชั่น
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญช่วยปิโตรเลียม
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดบีพีเค การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดศักดิกร ทวีทรัพย์
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดยศพันธ์กรุ๊ป
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดทิพย์วิภา รุ่งเรืองกิจ
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดต.สาวะถี การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดธนพัฒน์ การโยธา
  • บริษัท ลำพูน โลหะทรัพย์ จำกัด
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดเคพีซี แมชชินเนอรี่
  • บริษัท ไจแอ้นท์ เคมิคอลส์(ประเทศไทย) จำกัด
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดเกศณี คอนสตรัคชั่น 2501
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดสิทธิชัยวงศ์ การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดธัญณัฐ รุ่งเรืองทรัพย์
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดพี อี เอ็น สันรุ่งเรืองออยล์
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดวรรณวงษ์ การโยธา 2496
  • บริษัท ดีเอ็นเอ็น นอร์ทเทิร์น สโตน จำกัด
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดนัชชา ทรัพย์รุ่งเรือง
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดกีรติ การโยธา 2014
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดกันตาวัง คอนสตรัคชั่น 2014
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดนันทิกานต์ การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดนภา การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดวินัย การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดป่าไผ่ การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดปิยะ คอนสตรัคชั่น
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดวิทวัส 2014 การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดวรเดช การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดใบบุญ การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดสมเกียรติ2014 การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญมี กรุ๊ป 2515
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดอภิเดช คอนสตรัคชั่น
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดภูเงิน รุ่งเรืองทรัพย์
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดธิยานันท์ การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดตามา การโยธา
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดใจดี วิศวกรรม

  • More..
    ลำพูน


    ไปหน้าที่ | 1