พื้นที่2469.746 ตารางกิโลเมตร
จำนวนประชากร 125029 ครัวเรือน
ประชากรชาย 157132
ประชากรหญิง 169479
ประชากรรวม 157132
เมืองชัยนาท เป็นเมืองโบราณ ตัวเมืองดั้งเดิมตั้งอยู่ตรงทางแยกฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ ปากน้ำ
เมืองสรรค์(ปากคลองแพรกศรีราชาใต้ปากลำน้ำเก่า) เมืองนี้ตั้งขึ้นหลังเมือง พันธุมวดี (สุพรรณบุรี) เป็นเมือง
หน้าด่านของเมืองสุโขทัย จากศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมีแต่ชื่อเมืองแพรกส่วนเมืองชัยนาทเพิ่งมาปรากฎใน
รัชกาลสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ 1 เมื่อ พ.ศ.1890 ซึ่งเป็นปีที่พระเจ้าเลอไท สวรรคตกรุงสุโขทัยเกิดการแย่งชิง
ราชสมบัติพระรามาธิบดีที่ 1ทรงเห็นเป็นโอกาสเหมาะ จึงยกทัพเข้ายึดเมืองชัยนาท หลังจากพระยาลิไท ขึ้น
ครองราชย์ทางกรุงศรีอยุธยา ซึ่งสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1ได้สถาปนาให้เป็นราชธานีมีกำลังเข้มแข็งมากจึงได้
โปรดให้ขุนหลวงพระงั่วซึ่งครองเมืองสุพรรณบุรี ยกทัพมาตีเมืองชัยนาท ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของกรุงสุโขทัย
เมืองชัยนาทจึงตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา โดยมีขุนหลวงพระงั่วเป็นผู้รักษาเมืองเมื่อกรุงสุโขทัยสงบแล้ว พระยาลิไทได ้ส่งทูตมายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อเจรจาขอเมืองชัยนาทคืนให้แก่กรุงศรีอยุธยา โดยมีขุนหลวงพระงั่ว
เป็นผู้รักษาเมือง เมื่อกรุงสุโขทัยสงบแล้วพระยาลิไทได้ส่งทูตมายังกรุงศรีอยุธยา เพื่อเจรจาขอเมืองชัยนาทคืน
ให้แก่กรุงสุโขทัย โดยจะยอมให้เป็นอิสระ และมีสัมพันธไมตรีต่อกัน กล่าวคือต่างฝ่ายก็ต่างมีอิสระต่อกัน ในที่สุด
กรุงศรีอยุธยาได้คืนเมืองชัยนาทให้แก่ กรุงสุโขทัย นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า การที่แคว้นกัมพุช (ลพบุรี)
เข้าร่วมมือในการรบ ประกอบกับกรุงศรีอยุธยากำลังสถาปนาได้ไม่นาน ถ้ามีศึกกระหนาบสองด้านจะสร้างปัญหา
ให้ไม่น้อย ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้กรุงศรีอยุธยาคืนเมืองชัยนาทแก่กรุงสุโขทัยโดยดี
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องเมืองชัยนาทระหว่าง กรุงสุโขทัย กับ กรุงศรีอยุธยา ก็หายุติได้ไม่ เพราะในปี
พ.ศ.1912 สมเด็จพระรามาธิบปีที่ 1 เสด็จสวรรคต ทำให้สถานการณ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยา กับกรุงสุโขทัย กลับ
ตึงเครียดขึ้นอีก เมื่อขุนหลวงพระงั่วขึ้นครองราชย์แล้ว ได้เสด็จยกทัพมาตี กรุงสุโขทัย ในปี พ.ศ.1914 แต่ไม่มี
ผ่ายใดเป็นฝ่ายชนะ สงครามยืดเยื้อกันมาเป็นเวลานาน จนขุนหลวงพระงั่วเสด็จสวรรคต นักประวัติศาสตร์เข้าใจว่า
เมืองชัยนาท กลับเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง เพราะจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พอสรุปได้ว่า เมือง
ชัยนาทแต่เดิมเป็นเมืองลูกหลวงกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระนครินทราธิราช โอรสองค์ที่ 5
ให้โอรสองค์ใหญ่ซึ่งพระนามว่า เจ้าอ้ายพระยา ไปครองเมืองสุพรรณบุรี เจ้ายี่พระยา โอรส องค์ที่ 2 ไปครอง
หัวเมืองแพรก หรือ ตรัยตรึงษ์ (อำเภอสรรคบุรี ในปัจจุบันนี้) เจ้าสามพระยา โอรสองค์ที่ 3 ไปครองเมืองชัยนาท
ต่อมา เมื่อสมเด็จพระนครินทราธิราชเสด็จสวรรคตความทราบถึงพระเจ้ายี่พระยาก่อน จึงได้เตรียมการที่จะ
ขึ้นครองกรุงศรีอยุธยาสืบแทนต่อจากพระราชบิดา ฝ่ายเจ้าอ้ายพระยาเมื่อสืบทราบว่า พระราชอนุชายกกองทัพ
ไปพระนครศรีอยุธยา เพื่อต้องการครอบครองราชสมบัติ จึงรีบยกกองทัพไปบ้าง ประสงค์จะขึ้นครองราชสมบัติ
เช่นกัน กองทัพทั้งสองพบกันที่ต.ปาถ่าน แขวงกรุงศรีอยุธยา จึงเกิดรบพุ่งกัน ในที่สุดก็สิ้นพระชนม์ลง ทั้งสอง
พระองค์ พร้อมกัน ด้วยการทำยุทธหัตถีฝ่ายเจ้าสามพระยา ซึ่งขณะนั้นครองเมืองชัยนาทอยู่ เมื่อสมเด็จพระเชษฐา
สิ้นพระชนม์ ทั้งสองพระองค์แล้ว จึงได้ขึ้นเสวยราชย์ ครองกรุงศรีอยุธยา สืบแทนพระราชบิดา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2
พ.ศ. 1994 เจ้าพระติโลกราช ครองเมืองเชียงใหม่ ยกทัพมาตีเมืองกำแพงเพชรได้แล้ว ส่งกำลัง
เข้ามากวาดต้อนผู้คนถึงเมืองชัยนาท เข้าใจว่าเมืองชัยนาท จะถูกทั้งให้เป็นเมืองร้างในคราวนั้นเอง เวลาได้
ล่วงมาได้ประมาณ 100 ปีเศษ ถึงรัชกาล สมเด็จพระมหาจักรพรรดิครองกรุงศรีอยุธยาทรงสะสมอาวุธยุทธภัณฑ์
เพื่อเตรียมต่อสู่กับพม่า จีงเสด็จขึ้นไปกระทำพระราชพิธีมัธยมกรรมที่ตำบลชัยนาทบุรี แล้วตั้งเมืองชัยนาทขึ้นใหม่
ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามกับตัวเมืองเดิม
พ.ศ. 2127 เจ้าพระยาเชียงใหม่(มังนรธาช่อ) ได้ยกทัพหลวงมาตั้งที่เมืองชัยนาท ครั้นทัพหน้า
ที่เข้ามาตั้งที่ปากครองบางพุทรา ถูกพระราชมนูรีถอย กลับไปแล้ว พระเจ้าเชียงใหม่ก็ถอยทัพ ไปตั้งที่กำแพงเพชรตามหลักฐานของกรมศิลปากร จังหวัดชัยนาทเป็นเมืองสำคัญ เมืองหนึ่ง ในสมัยกรุงธนบุรี เมื่อ พ.ศ. 2319
ตรงกับวันเสาร์ เดือน 9 ขึ้น 12 ค่ำ (วันที่ 25 กรกฎาคม 2319) เจ้ากรุงธนบุรี ได้ยกทัพ ขึ้นมาขับไล่ ซึ่งกำลัง
รบติดพันกับไทยที่ นครสวรรค์เมื่อ พระเจ้ากรุงธนบุรี เสด็จมาถึงเมืองชัยนาทแล้ว ทัพพม่าได้ข่าวก็ตกใจเกรงกลัว
จึงละทิ้งค่ายที่นครสวรรค์แตกหนีไปทางเมืองอุทัยธานี พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงยกกองทัพติดตามข้าศึก จนถึงบ้าน
เดินบางนางบวชแขวงเมืองสุพรรณบุรี และเข้าโจมตีข้าศึกจนแตกยับเยินด้วยเหตุนี้ ทางจังหวัดชัยนาท จึงถือว่า วันที่ 28 กรกฎาคม เป็นวัน สถาปนา จังหวัด
โดยที่ เมืองชัยนาท ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของภาคกลาง ตั้งอยู่ระหว่างกรุงสุโขทัน กับกรุงศรีอยุธยา
ในยามใดที่กรุงสุโขทัย เรืองอำนาจ ก็ยึดเอาเมืองชัยนาทเป็นเมืองหน้าด่าน แต่ยามใด ที่กรุงสุโขทัยเสื่อมอำนาจ
และกรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรือง เมืองชัยนาท ก็จะเป็นเมืองสะสมอาวุธยุทธภัณฑ์ ของกรุงศรีอยุธยา แม้แต่ในสมัย
กรุงธนบุรีเมืองชัยนาทก็ยังเป็นที่ตั้งหลวง ในการทำศึกกับพม่า ด้วยเหตุนี้เมืองชัยนาทจึงได้รับความกระทบ
กระเทือนจากสงครามอย่างมาก เป็นเวลา นับร้อยปี
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้สร้างศาลากลางจังหวัดขึ้นที่ตำบลบ้านกล้วย ครั้นถึง รัชกาลที่ 5 ได้ทรง
ตั้งกองทหารราบที่ 16 ได้ย้ายไปที่นครสวรรค์ จึงย้ายศาลากลางไปตั้ง ในบริเวณที่เป็นกองทหารราบที่ 16 สำหรับ
เมืองชัยนาทนี้ จะได้นามมาแต่เมื่อใด ไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่นอน ถ้าจะแปลความหมายของ "ชัยนาท" ก็นาจะ
ได้ความว่าเมืองที่มีชื่อเสียงในความมีชัย เป็นที่น่า สันนิษฐานว่า ชื่อเมืองชัยนาท นี้ คงจะได้ตั้งขึ้นภายหลังจาก
พ.ศ. 1702 แต่คงไม่ถึง พ.ศ.1946 กล่าวคือ ขวัญฟ้า หรือเจ้าคำฟ้า กษัตริย์ เมืองเมา เข้าทำสงครามกับอาณาจักรโยนกเจ้าเมือง ฟังคำ ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในอาณาจักรโยนา หลังจากฟังคำแตก เจ้าเมืองคำฟังจึงอพยพ
ผู้คนลงมาเมืองแปบ (กำแพงเพชร) แล้วสร้างเมืองไตรตรึงษ์ ที่ตำบลแพรก (ตำบลแพรกศรีราชาในปัจจุบัน)
หลังจากนั้น คงจะได้สร้างเมืองชัยนาทขึ้น และเหตุที่ตั้งชื่อเมืองชัยนาท คงเนื่องจากการรบชนะเจ้าของท้องถิ่น
เดิม ส่วนที่กล่าวว่า นามชัยนาทคงจะได้มาก่อน พ.ศ.1946 นั้นเนื่องจากสมเด็จพระนครินทราธิราชได้โปรดให้
เจ้าสามพระยา ไปครองเมืองชัยนาทตามความในประวัติศาสตร์ พอจะเป็นที่สันนิษฐานกันได้ว่า คำว่าเมืองชัยนาท
คงจะได้ชื่อมาก่อนปี พ.ศ.1946
ไปไหนในท้องที่ ชัยนาท