พระธาตุจอมสวรรค์ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านสันขี้เหล็ก หมู่ที่ 4 ตำบลจอมสวรรค์ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย พระธาตุจอมสวรรค์แต่เดิมชื่อว่า "พระธาตุดอยขวยต่อ" ตามตำนานคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีอายุได้เล่าสืบต่อกันมาว่า ได้มีต่อยักษ์ตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในคู ศัพท์ว่าเป็นต่อตัวที่ใหญ่ที่สุดและดุร้ายมากสามารถกินเป็ด ไก่ ได้ตลอดถึงกินเด็ก ๆ ที่นอนอยู่ในเบาะ ในเปล นับได้ว่าเป็นตัวต่อที่ใหญ่พอดู ตัวต่อดังกล่าวนี้อาศัยอยู่ในรูขุดเอาขี้ขวยออกมาจากดิน จนเกิดเป็นดอยลูกหนึ่ง มีลักษณะเป็นเนินสูงชันขึ้นไปด้วยอาศัยขี้ขวยของตัวต่อดังกล่าวนี้ นับล่วงตั้งแต่สมัยสิบสองปันนามาแล้ว ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีอายุ 80 กว่าปี ได้เล่าว่าตั้งแต่เกิดมาก็เห็นมีดอยลูกนี้อยู่อย่างนี้ ที่เกิดเป็นดอยขึ้นมาก็เพราะขี้ขวยของตัวต่อดังกล่าว ฉะนั้นจึงได้ตั้งนามว่า "พระธาตุดอยขวยต่อ" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และในสมัยนั้นหมู่บ้านดอยต่อ หมูที่ 3 มีชื่อว่า "บ้านงิ้วกุด" มาเป็น "บ้านดอยต่อ" จึงได้เรียกมาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นอันว่า พรธาตุดวงนี้ ตั้งอยู่บนขวยต่ออันเป็นเนินสูงตระหง่านมองเห็นได้ชัดเจน ในสมัยนั้นในสถานที่แห่งนั้หนาทึบไปด้วยต้นไม้นานาชนิด พระธาตุแห่งนี้มีมานานและเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่มากทีเดียว เพราะมีสัญลักษณ์เครื่องหมายที่อนุชนรุ่นหลังได้เห็นหลายอย่างด้วยกัน อาทิเช่น โบราณวัตถุต่าง ๆ เรียงรายทับถมกันอยู่มากมาย และยังมีองค์พระธาตุอีกด้วย แต่เป็นองค์พระธาตุยอดด้วน ณ ปัจจุบันนี้ ปีพุทธศักราช 2553 พระธาตุดอยขวยต่อได้ตั้งขึ้นมาราวประมาณ 1000 กว่าปี ในสมัยพ่อขุนมังรายมหาราชสร้างเมืองเชียงรายสมัยนั้น เพราะมีผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนยืนยันว่า พระธาตุแห่งนั้ตั้งมาได้หลายชั่วอายุคนแล้ว ต่อมาเมื่อปีพทุธศักราช 2477 ทางคณะสงฆ์ในสมัยนั้น โดยมีครูบาทิพย์ วัดบ้านแหลว อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ได้มาเนองค์ประธานในการบูรณะปฏิสังขรณ์พระธาตุองค์เก่าที่ชำรุดทรุดโทรมไปมากโดยได้เสริมเติมแต่งปรับปรุงใหม่ และในการบูรณะครั้งนั้นก็ได้รับความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งภายในอกและภายใน โดยมีครูบาทิพย์เป็นองค์ประธานในการคิดสร้างและพร้อมด้วยครูบาโล้ วัดสันทราย ครูบาขันตี วัดบ่อก๊าง ครูบาหน่อ วัดแม่สรวย ครูบาแก้ว วัดบ้านใหม่ และครูบาวงศ์ วัดกาสา (แม่จัน) ภายนอกมีคณะศรัทธาประชาชนในตำบลจอมสวรรค์ และตำบลใกล้เคียงได้ช่วยกันเสียสละกำลังกาย กำลังทรัพย์ช่วยกันในการบูรณะครั้งนั้นจนเป็นผลสำเร็จละล่วงไปด้วยดีทุกประการ ฉะนั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วไป จึงได้ยึดถือเอาองค์พระธาตุแห่งนี้เป็นปูชนียสถานที่เคารพสักการะกราบไหว้ของอนุชนรุ่นหลังมาตราบเท่าทุกวันนี้ และต่อมาจึงได้เปลี่ยนนามจาก "พระธาตุดอยขวยต่อ" มาเป็น "พระธาตุจอมสวรรค์" เพราะเหตุว่า พระธาตุแห่งนี้ตั้งอยุ่บนเนินสูง จึงถือเอาดอยแห่งนี้เป็นจอมสวรรค์ในสมัยนั้น องค์พระธาตุแห่งนี้เป็นปูชนียสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากแห่งหนึ่ง สามารถดลบันดาลให้ฝนตกได้ ปีไหนถ้าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล บรรดาประชาชนทั้งหลายต่างพากันไปนมัสการขอน้ำขอฝน และสามี ภรรยาคู่ใดที่ไม่มีบุตร ธิดา อยากได้บุตร ธิดาก็ขึ้นไปนมัสการตั้งสัจจะอธิษฐานขอบุตรต่อองค์พระธาตุเจ้า ก็สามารถได้ตามประสงค์ทุกประการ และพอถึงเดือน 8 เหนือ ขึ้น 15 ค่ำ (วันวิสาขบูชา) ทางคณสงฆ์และคณะศรัทธาก็ได้กำหนดให้เป็นวันประเพณีสรงน้ำพระธาตุประจำปีของทุกปี และปีพุทธศักราช 2515 ทางคณะสงฆ์และคณศรัทธาในตำบลจอมสวรรค์ ได้อาราธนานิมนต์ครูบาคำหล้า สังวโร และครุบาอินถา จากวัด พระธาตุจอมสัก ตำบลบ้านดุ่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย มาเป็นองค์ประธานในการก่อสร้างวิหารหลังใหม่แทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมจนแทบใช้การไม่ได้ ใช้เวลาในการก่อสร้างนามประมาณ 4 เดือนกว่าจึงสำเร็จ ปัจจุบัน "พระธาตุจอมสวรรค์" ยังได้จัดอยู่ในโครงการอิ่มบุญสักการะพระธาตุ 9 จอมของทางจังหวัดเชียงราย และเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มของนักแสวงบุญ เป็นปูชนียสถานอันเก่าแก่แห่งหนึ่งของอำเภอแม่จัน และแม้องค์พระเจดีย์จะทรุดโทรมลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่ความศักดิ์สิทธิก็ยังคงมีเต็มเปี่ยม รอการมานมัสการจากสาธุชนทุกท่านเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตสืบต่อไป