เดิมหมู่บ้านดาโต๊ะ เป็นที่ดินงอกอยู่ระหว่างคลองยะหริ่งและทะเลตะโละกาโปร์ มีพ่อค้าวานิชมีชื่อเรียกว่าโต๊ะปาแย ค้าขายแร่ทองแดงระหว่างเมืองหมู่บ้านดาโต๊ะ สมัยนั้นอยู่ในการครอบครองของเมืองปาเระ มีเจ้าเมืองชื่อนาจาแย สถานการณ์ของบ้านเมืองอยู่ในระหว่างสงคราม เจ้าเมืองจึงห้ามนำแร่ทองแดง ซึ่งเป็นโลหะที่นำมาหล่อปืนใหญ่ออกนอกเมือง เมื่อโต๊ะปาแยลอบนำแร่ทองแดงออกนอกเมืองและเจ้าเมืองจับได้ จึงประหารชีวิตโดยการตัดคอ และทิ้งศพลงคลองยะหริ่ง บริเวณหมู่บ้านดาโต๊ะ ศพของโต๊ะปาแยนั้นต่างจากคนทั่วไปคือหัวที่ขาดกลับมาต่อติดกับลำตัวเหมือนเดิม ไม่ว่าน้ำขึ้นหรือน้ำลง ศพก็จะโผล่ให้เห็นถึงลำคอเสมอ และจะต้านแรงของกระแสน้ำ มีชาวบ้านคนหนึ่งเป็นชาวประมงทนเห็นศพอยู่ในลักษณะนี้ทุกวันก็อดที่จะสงสารไม่ไหว จึงแอบนำศพไปฝั่งไว้บนฝั่งดิน ตำแหน่งเดียวกับสุสานปัจจุบัน ตกตอนกลางคืน ชาวประมงคนเดิมได้ไปทอดแหจับปลาพร้อมเพื่อนๆ ปรากฎว่า ไม่มีปลาติดแหเลยสักตัวเดียว จะมีแต่หินสวยงามติดมาทุกครั้ง ชาวประมงคิดว่าคืนนี้คงไม่ได้ปลาแล้ว อย่างไรเสียก็เก็บหินสวยงามเอาไว้ให้ลูกเล่นดีกว่า จึงเก็บหินสวยงามไว้เต็มหม้อข้าว แล้วก็พากันกลับบ้าน รุ่งเช้าตื่นขึ้นมาก็ไปเอาหม้อจะเอาหินให้ลูกเล่น พอเปิดฝาหม้อก็ปรากฎว่า หินสวยงามได้กลายเป็นทองอยู่เต็มหม้อ เพื่อนที่ไปด้วยกันเมื่อทราบข่าวก็พากันไปดูหินที่ตกหล่นอยู่ตามท้องเรือก็กลายเป็นทองเช่นกัน จึงเก็บมาแบ่งกันอย่างมีความสุข