เดิมเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่ออุปราช(อุปฮาด) ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าจะคอยคุ้มครองปกป้องคนในพื้นที่ อีกทั้งหากมีคนใดในพื้นที่ต้องออกไปทำงานต่างจังหวัด มักจะมาขอให้ท่านช่วยดูแล คุ้มครอง ปกปักษ์รักษาให้แคล้วคลาดปลอดภัยในด้านการเดินทางไปทำงานต่างถิ่น และด้วยพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดริมน้ำห้วยทับทัน ซึ่งเป็นเวิ้งน้ำที่กว้าง อีกทั้งหากมองไปฝั่งตรงข้ามก็เป็นเขตอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ และยังสามารถมองเห็นพื้นที่บ้านด่านดงแดง อันเป็นรอยต่อของจังหวัดร้อยเอ็ดได้ ด้วยความสวยงามของพื้นที่และสิ่งศักดิ์ที่มีมาแต่เดิม ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน จึงได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นตามศรัทธาและความเชื่อของคนในหมู่บ้าน โดยวัดดังกล่าวมีเนื้อที่ถึง 16 ไร่อุโบสถตั้งอยู่กึ่งกลางของพื้นที่ ซึ่งพระครูสันติ คุณาภรณ์ สมณศักดิ์ อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ได้ตั้งชื่อวัดว่า “วัดศรีบึงบูรพ์” ด้วยลักษณะอุโบสถสร้างตามทรงอยุธยาผสมกรุงรัตนโกสินทร์ มีสีทองสุกปลั่งทั้งหลัง เสาของอุโบสถทรงเอียง สูงโปร่ง อุโบสถโดยรอบทั้งหลังไม่มีหน้าต่าง หลังคาประดับสัญลักษณ์ ภปร. ขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มุมทั้งสี่ด้าน มีนาคราชห้าเศียร เฝ้าอยู่รอบๆ ด้านหน้าอุโบสถมีพญานาคราชเจ็ดเศียรสีทองขนาดใหญ่เฝ้าบันไดทางขึ้น ประตูสามารถเปิด ปิดได้เฉพาะด้านหน้าเท่านั้น บานประตูทำจากไม้สักแกะสลักเป็นลวดลายปริศนาธรรมคาถาบทพาหุง ภายในตกแต่งด้วยจิตกรรมฝาผนังอันวิจิตร ที่บอกเล่าเรื่องราวทศชาติชาดก ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายในประดิษฐานรูปหล่อองค์พระพุทธชินราช องค์ที่ 2 ที่มีขนาดหน้าตัก 109 นิ้ว ลักษณะขององค์พระเส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระเนตรประดุจตากวาง พระนาสิกโด่ง ชายผ้าสังฆาฏิแยกเป็นเขี้ยวตะขาบ นิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4 ยาวเสมอกัน อยู่ในลักษณะปางมารวิชัย ด้านซ้ายและขวาขององค์พระมีพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกอยู่ด้วย และพระแก้วมรกตที่ทำจากหยกแท้หนัก 34 กิโลกรัม ในทุกวันเพ็ญเดือนห้า แสงจากดวงอาทิตย์ยามอัสดงจะรอดช่องประตูโบสถ์ตกลงตรงตักของพระพุทธชินราชองค์ที่ 2 พอดีเป็นที่น่าอัศจรรย์