"แม่น้ำโขง" ที่ขนานไปกับถนนสาย 211 อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย อำเภอปากชม จังหวัดเลย ตั้งแต่เขตบ้านห้วยค้อ บ้านหนอง บ้านภูเขาทอง และบ้านม่วง ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม ในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคมของทุกปี ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะลดลง สามารถมองเห็นโขดหินโผล่ขึ้นจากแม่น้ำโขง ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่นับ 1,000 โขด ระยะทางยาวตามแม่น้ำโขงกว่า 5 กิโลเมตร นอกจากมีโขดหินที่สวยงามแล้ว ยังมีหาดทรายสีขาว ผสมผสานกับน้ำในแม่น้ำโขงที่เหมือนกระจกเงา ส่วนอีกฟากหนึ่งคือฝั่ง สปป.ลาวก็มีภูเขาเป็นเหมือนฉากหลัง มองไกลๆ เหมือนสวนหย่อมที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มีเรือหาปลาของชาวบ้านที่ให้บริการล่องเรือเพื่อชมความงามของโขดหินเหล่านี้อย่างใกล้ชิด ""พันโขดแสนไคร้"" เริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของธรรมชาติ เมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา มีการส่งภาพความสวยงามผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กกัน ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาสัมผัสความสวยงามกันเพิ่มมากขึ้น หลายคนได้ยกให้เป็น ""แกรนด์แคนยอนกลางแม่น้ำโขง"" ไฮไลต์อีกอย่างก็คือ ก้อนหินภายในพันโขดแสนไคร้ มีความแตกต่างกัน มีหลากหลายสี โดยเฉพาะหินสีดำนิลที่มีความมันวาว แข็งแกร่ง และสวยงามมาก โขดหินในแม่น้ำโขงที่อยู่ในเขตพื้นที่ของแต่ละบ้านทั้ง4 หมู่บ้าน ในอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย มีความแตกต่างกัน คือในเขตของบ้านม่วง จะมีลักษณะการเกิดขึ้นของโขดหินแต่ละโขดห่างกัน พอเข้าเขตบ้านภูเขาทอง โขดหินก็จะถี่ขึ้น ส่วนโขดหินในเขตของบ้านหนอง ก็จะมีลักษณะคล้ายสวนหย่อม เป็นโขดเล็กๆ และมีหาดทราย และสุดท้ายในเขตของบ้านห้วยค้อ จะมีโขดหินน้อย แต่มีพื้นที่ที่เป็นหาดทรายมากกว่าทุกจุด และมีต้นไคร้มากกว่าทุกจุด รวมไปถึงบรรยากาศของทั้ง 4 หมู่บ้านก็แตกต่างกันด้วย ""พันโขดแสนไคร้"" หรือ ""แกรนด์แคนยอน กลางแม่น้ำโขง"" จะเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของอำเภอสังคม และของจังหวัดหนองคายซึ่งโขดหินที่มีความสวยงามเช่นนี้มีที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เพียงแห่งเดียว ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของพันโขดแสนไคร้ ชาวบ้านที่มีอาชีพประมงก็มีการรวมตัวกันนำเรือมาให้บริการ คิดค่าโดยสาร 300 บาท/ลำ มีจุดขึ้นเรือ 3 จุด คือที่บ้านหนอง บ้านกุดแห่ และที่บ้านภูเขาทอง ซึ่งในเรื่องของความปลอดภัยนั้นเราให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ นักท่องเที่ยวทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพที่ อบต.บ้านม่วงจัดไว้ ขณะเที่ยวชมห้ามยืนบนเรืออย่างเด็ดขาด และที่สำคัญจะไม่นั่งเกินความจุของเรือแต่ละลำ คือ 3 4 คน/ลำเท่านั้น"" นั่นคือมาตรการดูแลความปลอดภัยสำหรับแขกผู้มาเยือน