โบราณาจารย์กล่าวไว้ว่า สมัยหนึ่ง สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า แห่งเราทั้งหลาย ได้เสด็จเลาะตามสันดอยล่องมาทางทิศใต้พระองค์ก็มาจุกอยู่จ๋อมดอย ลูกหนึ่ง ในสมัยนั้นพระอานนท์เถรเจ้าได้ไหว้ทูลถามว่า“ฐานะที่นี้ก็เป็นที่เกลี้ยงดีแลหันงาม จะสมควรหมายศาสนาไว้ที่นี้ หรือไม่พระเจ้าข้า” พระพุทธองค์ผู้จอมธรรม ตรัสว่า “ดูกรอานนท์ดอยนี้จะหาถ้ำเป็นที่เก็บเกศาธาตุไว้ก็บ่มีจะไว้ประทับรอยพระบาท ก็ซ้ำบ่มีก้อนหินอันถาวรย้ำไว้ เท่าว่าต่อไปปายหน้าหลังจากตัวตถาคตเองดับขันธ์ไปแล้ว เมื่อศาสดาของเราดากึ่งข้องเข้ามา จักมีบุคคลาใหญ่น้อยหลายหลากมาร่วมกันสร้าง พระเจดีย์ขึ้นหมายศาสนาไว้ที่นี้ บุคคลผู้ที่มาสร้างพระเจดีย์ขึ้นที่นี้บุคคลผู้นั้น จะได้ความอยู่เย็นเป็นสุข เสมอเหมือนตัวตถาคตได้มาจุกอยู่สำราญ อยู่ที่นี้แล” เพราะการเสด็จมาหยุดประทับ ณ ดอยแห่งนี้ ขององค์สมเด็จพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าประชาชนทั้งหลายจึงเรียกดอยแห่งนี้ว่า ดอยจุก หรือ ดอยหยุด ตราบจนทุกวันนี้วัดพระธาตุดอยจุกเป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่งเป็นโบราณสถาน ที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดพะเยาตามที่ได้กล่าวในประวัติและตำนานแล้ว และในช่วงหนึ่งได้ร้างไป ด้วยสาเหตุใดไม่ปรากฏหลักฐานต่อมาเมื่อประมาณ ก่อนเข้าพรรษาปี พ.ศ. 2535 ได้มีคณะพุทธศาสนิกชนชาวบ้านกว้านและ พุทธศาสนิกชนในบริเวณใกล้เคียงได้ร่วมกันพัฒนาและได้สร้างถนนขึ้นเพื่อ ทำความสะดวกในการขึ้นไปประกอบกิจกรรมต่างๆ พร้อมกันนี้ได้อาราธนา พระภิกษุขึ้นจำพรรษา และสร้างเสนาสนะถวายแก่พระภิกษุที่จำพรรษาอยู่ที่นี้ด้วย