หลวงพ่อครูบาสร้อย ขันติสาโร เกิดวันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2472 ตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 10 ปีมะเส็ง ตำบลละหานทราย อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อได้ 7 ขวบ โยมบิดา โยมมารดา ถึงแก่กรรมท่านจึงอยู่ในความดูแลของคุณยาย ในวัยเด็กท่านมีโอกาสถวายน้ำตาลแด่พระธุดงค์ และพระธุดงค์รูปนั้นได้กล่าวกับท่านว่าเมื่อโตขึ้นให้บวช จนกระทั้งท่านเรียนจบประถม 4 คุณยายจึงพาไปบวชเณรที่วัดชุมพรใกล้บ้าน มีหลวงพ่อมั่นเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้เล่าเรียนการบริกรรมด้วยการตกลูกประคำ เพื่อฝึกสมาธิจนมีจิตใจมั่นคงดีแล้ว หลวงพ่อมั่นจึงสอนอาคมต่างๆ ควบคู่กับการปฏิบัติสมาธิ และออกธุดงค์รุกขมูลไปยังสถานที่ต่างๆ จนล่วงได้อายุ 22 ปี จึงอุปสมบท มีหลวงพ่อมั่นเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อสุข เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อสุต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ขันติสาโร หลังจากอุปสมบทแล้วท่านได้กราบลาหลวงพ่อมั่น เพื่อไปฝึกปฏิบัติกรรมฐานกับหลวงพ่อสุข และวิชาต่างๆ ที่สำคัญ คือ การตรวจดูบุญวาสนา และเวรกรรมของผู้ป่วย เพื่อช่วยในการรักษาโรคต่าง ๆ ต่อมาในพ.ศ. 2497 หลวงพ่อสร้อยได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯและจำพรรษาที่วัดมหาธาตุ ศึกษาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอยู่ถึง 7 เดือน จึงลาพระอาจารย์ชาดกกลับไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดกลางนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ พอออกพรรษาท่านได้ล่ำลาญาติโยมเพื่อออกรุกขมูลไปตามสถานที่ต่าง ๆ จนถึงนครพนมและข้ามไปฝั่งลาว กลับมามุกดาหารเข้าสู่เทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร ช่วงนั้นท่านเดินหลงป่ามาทะลุที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จนกระทั้งถึงดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้พบกับหลวงปู่แหวน และได้ศึกษาข้อธรรมต่าง ๆ ระยะหนึ่งจึงกราบลาหลวงปู่แหวน ออกรุกขมูลต่อไปจนถึงอำเภอแม่สะเรียง โดยจำพรรษาที่วัดศรีบุญเรือง พอออกพรรษา ท่านทราบจากญาติโยมว่ามีวัดร้างที่ท่าสองยาง ท่านจึงคิดจะไปอยู่เพื่อปฏิบัติธรรม ในสมัยนั้นการเดินทางลำบากมาก เมื่อเดินทางมาถึงชาวบ้านต่างดีใจที่ได้พบพระสงฆ์ จึงช่วยสร้างกุฎิมุงด้วยใบตองตึงให้ท่านจำพรรษา จนล่วงมาถึงพ.ศ. 2503 หลังฉันอาหารเช้า ท่านเกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัวจึงไปพักผ่อน ปรากฏว่าวิญญาณท่านได้ออกจากร่างเป็นครั้งที่ 2 แต่เพียง 1 วัน ท่านก็ฟื้น ต่อมาในพ.ศ. 2505 ท่านจึงได้สร้างวัดเพื่อให้ถูกต้องมีวิสุงคามวาสี เหมือนกับเทวดาที่รักษาวัดจะทราบเรื่องราว คืนนั้นในสมาธิเทวดาซึ่งเป็นเจ้าที่ได้มาปรากฏและถามท่านถึงความต้องการ ท่านจึงบอกไปว่าจะทำการบูรณะปรับปรุงวัดให้ดีขึ้น ช่วงกำลังก่อสร้างมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย จนถึง พ.ศ. 2506 จึงสร้างเสร็จ ท่านเป็นพระที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับชาวบ้านและลูกศิษย์อย่างมากมาย จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2541 เวลา 07.19 น. ท่านได้หยุดดับธาตุขันธ์ เมื่ออายุ 69 ปี ทิ้งเหลือไว้แต่คุณงามความดีที่ยังคงประทับในหัวใจของลูกศิษย์เสมอมา ถึงแม้ท่านจะดับขันธ์ไปแล้วปัจจุบันร่างของท่านก็ไม่เน่าเปื่อย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกราบนมัสการขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลได้ทุกวัน