ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก ทางด้านหลังใกล้ทางรถไฟสายเชียงใหม่ กรุงเทพฯ ภายในศาลมีองค์เจ้าแม่ทับทิม (ตุ้ยบ่วยเต่งเหนี่ยง) เป็นองค์ประธาน ด้านขวาเป็นที่ประทับของเจ้าพ่อกวนอู ด้านซ้ายเป็นที่ประทับของเจ้าพ่อปุ้นเถ่ากงและปุ้นเถ่าม่า ตามประวัติและหลักฐานที่ปรากฏอยู่พบว่าองค์เจ้าแม่ทับทิมและองค์เจ้าพ่อกวนอู ได้อัญเชิญมาจากเกาะไหหลำ มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ในราว พ.ศ. ๒๔๑๐ ในสมัยนั้นเจ้าของอู่ต่อเรือซึ่งตั้งถิ่นฐานทำการค้าอยู่ที่หมู่บ้านท่าฬ่อเป็นผู้อัญเชิญองค์เจ้าแม่ทับทิมมาจากประเทศจีนได้บริจาคซุงไม้สัก จำนวน ๒ แพ เพื่อปลูกสร้างศาลขนาดใหญ่ถวายแด่องค์เจ้าแม่ทับทิมและเจ้าพ่อกวนอูให้เป็นที่สักการบูชาของชาวบ้านและผู้เลื่อมใสศรัทธาทั้งใกล้และไกล ยิ่งกว่านั้นศาลเจ้าแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้สอนหนังสือไทยและหนังสือจีนให้แก่บุตรหลานในหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านเรียกว่า “โรงเรียนยกเอ็ง” ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และถ่ายภาพ ตัวอาคารเป็นเรือนไม้ ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เมื่อครั้งสมัยในอดีต อาทิ ห้องเรียน ห้องอาหาร ห้องพักครู เป็นต้นฯ นับตั้งแต่นั้นมาความเจริญทางด้านการค้าและการเติบโตของครอบครัวในหมู่ที่บ้านก็มีมากขึ้นตามลำดับ หลักฐานตามประวัติและถาวรวัตถุอันล้ำค่าของศาลเจ้าแห่งนี้ คือ เกี้ยวสำหรับประทับขององค์เจ้าแม่ที่ได้นำมาจากประเทศจีน เป็นเรือนไม้แกร่งแกะสลักทั้งหลังด้วยลายดอกไม้และสัตว์ต่าง ๆ ตามแบบฉบับศิลปะของจีน วัตถุกายสิทธิ์ซึ่งเป็นเครื่องหมายประจำเซียนทั้งแปด (โป๊ยป้อ) จำนวน ๒ ชุด (๑๖ อัน) นับเป็นวัตถุล้ำค่าซึ่งทำมาเฉพาะจากนครกวางเจาในสมัยนั้น ความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารของเจ้าพ่อเจ้าแม่แห่งศาลเจ้าแม่ทับทิมท่าฬ่อ เป็นที่เลื่องลือกันมาตั้งแต่สมัยเริ่มแรกแล้ว ศิษยานุศิษย์ทั้งใกล้และไกลต่างก็ได้รับความสุขความเจริญ ปราศจากอันตรายอย่างทั่วถึงกันตราบเท่าทุกวันนี้ และบริเวณใกล้ศาลนั้น ยังมี “ชุมชนท่าฬ่อ” บ้านเรือนเก่าแก่ที่ยังคงความคลาสิคเอาไว้ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมและถ่ายภาพ