เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2537 จังหวัดพะเยาได้รับการร้องขอจากราษฎรในท้องที่อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ให้ดำเนินการประกาศป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จุนและป่าสงวนแห่งชาติใกล้เคียงให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งมีพื้นที่ป่าครอบคลุมท้องที่อำเภอจุน อำเภอเชียงคำ อำเภอดอกคำใต้ และอำเภอปง จังหวัดพะเยา เนื้อที่ประมาณ 231,875 ไร่ หรือประมาณ 371 ตารางกิโลเมตร เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ไว้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำอิงและแม่น้ำยม รวมทั้งสัตว์ป่าที่สำคัญของท้องถิ่นอาศัยอยู่ชุกชุมหลายชนิด เช่น นกยูง เลียงผา เก้ง กวาง เป็นต้น ซึ่งจังหวัดพะเยาได้เสนอเรื่อง ไปยังกรมป่าไม้ เพื่อพิจารณากำหนดให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต่อมากรมป่าไม้ได้ให้ความเห็นชอบตามที่จังหวัดพะเยาเสนอและสั่งการให้เจ้าหน้าที่สังกัดส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ออกไปดำเนินการสำรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในท้องที่จังหวัดพะเยาดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆเสนอต่อคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ในการสำรวจพื้นที่เพื่อจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ คณะผู้สำรวจได้ประสานงานกับส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และราษฎรที่อยู่อาศัยใกล้เคียงพื้นที่ป่า เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องช่วยป้องกันปัญหาข้อขัดแย้งที่จะตามมาเกี่ยวกับแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทับซ้อนพื้นที่ทำกินของราษฎร โดยร่วมอำเภอท้องที่ประชุมชี้แจงและให้ราษฎรนำชี้พื้นที่ด้วยตนเองแล้วติดป้ายหมายแนวเขตอย่างชัดเจนทั้งในพื้นที่จริงและแผนที่ระวาง 1:50,000 โดยการนำเครื่อง GPS มาช่วยตรวจสอบในการหมายแนวเขต ทำให้การหมายแนวเขตในพื้นที่จริงและในแผนที่มีความถูกต้องเชื่อถือได้ นอกจากนี้ในการสำรวจความเหมาะสมของพื้นที่ยังได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสภาตำบล คณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรป่าไม้ประจำอำเภอ และคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรป่าไม้ประจำจังหวัดพะเยา ซึ่งต่อมาคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบให้ประกาศพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำแวน, ป่าห้วยไคร, ป่าแม่จุน และป่าแม่ยม ในท้องที่อำเภอเชียงคำ, อำเภอจุน, อำเภอปง และอำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้ โดยผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 114 ตอนที่ 19 ก เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2540