ตั้งอยู่บ้านคลองสวนหลวง หมู่ที่ 5 ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม วัดช้างเผือก เป็นวัดโบราณไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง มีอายุไม่น้อยกว่า ๓๐๐ ปีเริ่มประกาศเป็นวัด เมื่อ พ.ศ. 2235 เรียกชื่อว่า วัดช้างเผือกมาแต่เดิม ได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2531 บริเวณตำบลบางช้าง แต่เดิมเป็นป่าทึบเป็นที่อาศัยของโขลงช้างจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่า ตำบลบางช้าง เล่าสืบทอดมาว่าบริเวณที่ตั้งวัดนี้เป็นที่หลบซ่อนอาศัยของช้างเผือก และช้างธรรมดาในสมัยโบราณที่ทำสงครามต้องอาศัยช้างด้วย ยังมีหลักฐานปรากฏอยู่คือ บริเวณที่ตั้งอุโบสถเดิม (ทรงไทยไม้สัก) มีเสาตะลุงช้างสำหรับผูกช้าง ปัจจุบันดินได้ทับถมจมอยู่แถวหน้าอุโบสถ คลองช้างที่เรียกชื่อมาจนทุกวันนี้ ก็คือทางเดินของข้างที่ลงมาอาบน้ำละดื่มน้ำในลำแม่น้ำ มีความยาวประมาณ 600 เมตร (15 เส้น) ตั้งแต่หน้าอุโบสถเก่า ปัจจุบันได้ถูกถมไปหมดแล้ว เป็นบ้านเรือน ถนนปลายคลองช้างจรดคลองบางพรหม วัดช้างเผือกเจริญรุ่งเรืองมากสมัยพระอธิการคุณ เป็นเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระที่มีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ การประพฤติปฏิบัติชอบ เป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน อาจารย์ธุดงค์ และราชมูล รวมท้งการบริวาสกรรม เป็นที่เชื่อถือ เคารพเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนมาก นอกจากนั้นท่านยังเป็นที่พึ่งของประชาชนในด้านการรักษาพยาบาล เล่ากันว่าท่านรักษาเด็กเจ็บไข้ด้วยการเสกด้านผูกข้อมือเด็ก และเสกข้าวปั้นให้หญิงมีครรภ์รับประทาน เพื่อคลอดง่ายเป็นที่เสื่อมใสและนิยม บรรดาสานุศิษย์ และผู้เคารพนับถือได้ปั้นรูปของท่านไว้เป็นอนุสรณ์เมื่อท่านเข้าสู่วัยชรา และเรียกท่านว่า “เจ้าอธิการรุณ” ไม่ทราบว่าท่านสืบเชื้อสายมาจากราชินีกูลบางช้างหรือไม่ เพราะท่านถือกำเนิดที่ตำบลบางช้างนี้ หรือเรียกชื่อของท่านด้วยความเคารพยกย่อง วัดช้างเผือกดำรงอยู่ได้มาจนทุกวันนี้ เพราะความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ในท้องถิ่นช่วยกันทำนุบำรุง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลของกำนันตำบลบางช้าง คือขุนศรีคชนิยมได้อุปถัมภ์ตลอดมา